การนำระบบ PDCA มาใช้ในกระบวนการดำเนินงาน
ความหมายของ PDCA วงจรการบริหารงานคุณภาพ ประกอบด้วย
P = Plan คือการวางแผนจากวัตถุประสงค์ และเป้าหมายที่ได้กำหนดขึ้น
D = Do คือการปฏิบัติตามขั้นตอนในแผนงานที่ได้เขียนไว้อย่างเป็นระบบและมีความต่อเนื่อง
C = Check คือ การตรวจสอบผลการดำเนินงานในแต่ละขั้นตอนของแผนงานว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขแผนงานในขั้นตอนใดบ้าง
A = Action คือ การปรับปรุงแก้ไขส่วนที่มีปัญหา หรือถ้าไม่มีปัญหาใดๆ ก็ยอมรับแนวทางการปฏิบัติตามแผนงานที่ได้ผลสำเร็จ เพื่อนำไปใช้ในการทำงานครั้งต่อไป
เมื่อได้แผนงาน (P) นำไปปฏิบัติ (D) ระหว่างปฏิบัติก็ดำเนินการตรวจสอบ(C) พบปัญหาก็ทำการแก้ไขหรือปรับปรุง (A) การปรับปรุงก็เริ่มจากการวางแผนก่อน วนไปเรื่อยๆ จึงเรียกวงจรPDCA
ประโยชน์ของ PDCA มีดังนี้1. การวางแผนงานก่อนการปฏิบัติงาน จะทำให้เกิดความพร้อมเมื่อได้ปฏิบัติงานจริง การวางแผนงานควรวางให้ครบ 4 ขั้น ดังนี้
1) ขั้นการศึกษา คือการวางแผนศึกษาข้อมูล วิธีการ ความต้องการของตลาด ข้อมูลด้านวัตถุดิบ ด้านทรัพยกรที่มีอยู่หรืองเงินทุน เป็นต้น
2) ขั้นเตรียมงาน คือการวางแผนเตรียมงานด้านสถานที่ การออกแบบผลิตภัณฑ์ ความพร้อมของพนักงาน อุปกรณ์ เครื่องจักร วัตถุดิบ เป็นต้น
3) ขั้นดำเนินงาน คือการวางแนวทางการปฏิบัติงานของแต่ละส่วนแต่ละฝ่าย เช่น ฝ่ายผลิต ฝ่ายขาย ฝ่ายโฆษณา เป็นต้น
4) ขั้นการประเมินผล คือการวางแผนหรือเตรียมการประเมินผลอย่างเป็นระบบ เช่น ประเมินจากยอดการจำหน่าย ประเมินจากคำติชมของลูกค้า หรือประเมินจากเครื่องมือที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อให้ผลทีได้จากการประเมินเกิดความเที่ยงตรง
2. การปฏิบัติตามแผนงาน ทำให้ทราบขั้นตอน วิธีการ และสามารถเตรียมงานล่างหน้าหรือทราบอุปสรรคล่วงหน้าด้วย ดังนั้น การปฏิบัติงานก็จะเกิดความราบรื่น และเรียบร้อย นำไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้
3. การตรวจสอบ ให้ได้ผลที่เที่ยงตรงเชื่อถือได้ ประกอบด้วย
3.1 ตรวจสอบจากเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้
3.2 มีเครื่องมือที่เชื่อถือได้
3.3 มีเกณฑ์กการตรวจสอบที่ชัดเจน
3.4 มีกำหนดเวลาการตรวจที่แน่นอน
3.5 บุคลกรที่ทำการตรวจสอบต้องได้รับการยอมรับจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อการตรวจสอบได้รับการยอมรับ การปฏิบัติงาน ขั้นต่อไปก็ดำเนินต่อไปได้
4. การปรังปรุงแก้ไข ข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนใดก็ตาม เมื่อมีการปรับปรุงแก้ไขคุณภาพก็จะเกิดขึ้น ดังนั้น วงจรPDCA จึงเรียกว่า วงจรบริหารงานคุณภาพ
ประเภทของแผนงาน1. การวางแผนงานตามระยะเวลา ได้แก่
1.1 แผนงานประจำปี (Year Plan) เป็นแผนงานที่เขียนขึ้นเพื่อวางแนวทางการปฏิบัติงานตลอดทั้งปี หน่วยงานหรือองค์กรขนาดใหญ่ที่คำนึงถึงความมั่นคงในอนาคต จะทำแผนงานระยะ 5 ปี หรือ 10 ปี เช่น
- แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นแผนงานระยะ5 ปี
- แผนงานลงทุนของบริษัทมหาชน เป็นแผนงงานระยะ 10 ปี
- แผนการพัฒนาการศึกษาของไทย เป็นแผนงานระยะ 10 ปี
1.2 แผนงานประจำไตรมาส เป็นแผนงานที่เขียนขึ้นเพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานระยะเวลา 3 เดือน ตามเกณฑ์ประเมินผลทางเศรษฐกิจของกระทรวงพาณิชย์ นอกจากนี้บุคลากรหรือหน่วยงานจะต้องเขียนแผนดำเนินงานในส่วนของหน่วยงาน โดยการกำหนดระยเวลา 1 เดือน หรือ 1 สัปดาห์
2. การแบ่งแผนงานตามความรับผิดชอบ ได้แก่
2.1 แผนงานส่วนบุคคล (Personal Plan) บุคคลที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพจะต้องมีแผนงานของตนเอง เริ่มจากแผนงานระยะเวลา 1-5 ปี เพื่อเตรียมความพร้อมด้านการศึกษา ด้านเงินทุน ด้านสังคมและด้านอื่นๆ ที่เป็นองค์ประกอบของการสร้างผลงาน แผนปฏิบัติงานตามความคิดสร้างสรรค์รวมถึงกลยุทธ์เพื่อแก้ปัญหาและหาแนวทางไปสู่ความสำเร็จ
2.2 แผนงานขององค์กร หรือหน่วยงาน
3. การแบ่งแผนงานตามลักษณะการใช้งาน ได้แก่
3.1 แผนงานหลัก Master Plan เป็นแผนงานขององค์กร ได้กำหนดเป้าหมายนโยบาย วัตถุประสงค์ขององค์กร ทุกหน่วยงานต้องทำตามและเขียนแนวทางการดำเนินงานโดยรวมขององค์กร โดยมิได้กำหนดวิธีการทำงาน
3.2 แผนปฏิบัติการ (Action Plan) เป็นแผนปฏิบัติงานเฉพาะส่วนเฉพาะงาน หรือเฉพาะกิจ ที่เขียนขึ้นเพื่อเสริมให้หน่วยงานบรรลุเป้าหมายของแผนงานหลักหรือขององค์กรแผนปฏิบัติการจะมีรายละเอียดมากที่สุดเพราะเป็นแนวทางการดำเนินงานสู่เป้าหมาย
3.3 แผนกลยุทธ์ (Strategic Plan) เป็นแผนปฏิบัติงานที่เขียนขึ้นอย่างเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นโดยมิได้คาดหมาย เนื่องจากเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือมีเหตุการณ์แทรกซ้อนทำให้ผลงานหรือคุณภาพลดลงหากไม่ทำการแก้ไข
3.4 แผนปรับปรุงงาน เป็นการวางแผนอย่างต่อเนื่องจากการปรับปรุงงานตามแผนงานหลักแล้วพบปัญหาหรือข้อบกพร่อง
การนำ PDCA cycle มาใช้ในกระบวนการปฏิบัติงานจะทำอย่างไรเพื่อให้ได้ผลและมีประสิทธิภาพ ทำอย่างไรให้บุคลากรในองค์กรมีความเข้าใจและตระหนักในการนำ PDCA cycle มาใช้ขับเคลื่อนสำหรับการปฏิบัติงานของตน ดังนั้นจึงขออธิบายนิยามของ PDCA cycle ดังรายละเอียดต่อไปนี้
P ( Plan) P = Priority & Purpose & Plan
D ( Do) D = DO = Directing & Organizing
C (Check) C = Check & Control & Continue
A ( Act ) A = Adjust plan & Action to improvement
1. P คือ การวางแผน (Plan) การทำงาน ซึ่งเราต้องรู้ว่า เราจะให้ใครทำ (Who) ทำอะไร (What) ทำที่ไหน (Where) ทำเมื่อไหร่ & มีเวลาเท่าไหร่ (When) ทำอย่างไร (How) ภายใต้งบประมาณเท่าไหร่ (How much) ให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ (Purpose)
ปัญหา มันเริ่มต้นจาก คน 1 คน ไม่ได้มีงานเดียว ทุกๆ คน มีทั้งงานด่วน งานแทรก งานของหัวหน้า งานของเพื่อน สารพัดงานที่มะรุมมะตุ้มกันเข้ามา และที่วุ่นวายมากขึ้นไปอีก ก็คือ หากองค์กรนั้นมีหลายนาย ซึ่งแต่ละนาย ก็สุดที่จะเอาแต่ใจตัวเอง เอาใจไม่ถูก ดังนั้นคนทำงานจึงเริ่มรวน ไม่รู้จะทำงานไหนก่อน พอจะเริ่มทำงานนั้น เอ้า ผู้ร่วมงานถูกดึงไปทำอย่างอื่น งาน รันต่อไม่ได้ พอทำงานหนึ่งเสร็จ เอ้า เวลาไม่พอที่จะทำงานถัดไป ต้องปรับ How (ปรับวิธีการ) อีกแล้ว แต่การปรับ How แบบเหลือเวลาทำงานน้อย ๆ มักจะทำได้ยาก สุดท้ายทีมงานก็ต้องวกกลับมาปรึกษาหัวหน้าทีมอีกครั้ง สำหรับปัญหาเหล่านี้ หากจะแก้ ต้องทำให้ความผันผวนของการดำเนินตามแผนงานมีให้น้อยลง ซึ่งคนที่เป็นหัวหน้าทีม จำเป็นต้อง Priority งานทุกๆ งาน ต้องกำหนดเป้าหมาย (Purpose) ของแต่ละงานไว้ชัดเจน แล้วจึงทำการวางแผนงาน (Plan) และหากต้องการให้ทีมงานปรับตัวได้เร็ว หัวหน้าทีมจะต้องสอน (Coaching) วิธีคิดให้กับทีมงานด้วย ในขณะเดียวกัน หัวหน้าทีมต้องปรับแผนงานเร็ว เพื่อที่จะได้นำพาทีมงาน ทำงานให้สามารถบรรลุเป้าหมายขององค์กรได้
2. D คือ การลงมือทำ (Do)
ปัญหา มันเริ่มต้นจากความไม่ชัดเจนของหลายสิ่งหลายอย่าง เช่น แม้ว่าตอนวางแผน จะบอกว่า ให้ใครทำ ให้ฝ่ายไหนทำบ้าง แต่ไม่ได้ระบุไปว่าใครเป็นเจ้าภาพหลัก ทำให้ทีมงานเกี่ยงงานกันได้ง่าย ยิ่งหากไม่ชอบขี้หน้ากันด้วยแล้ว งานยิ่งไม่เดินเลย หรือ ในตอนวางแผนบอกว่า จะต้องใช้อุปกรณ์แบบนี้ เท่านี้ แต่พอทำจริง ปริมาณไม่พอใช้ เพราะตอนวางแผน มองว่างบประมาณไม่พอเลยตัดโน่น ตัดนี่จนความเป็นจริง เกิดความไม่เพียงพอต่อการทำงาน ดังนั้น การแก้ปัญหาเหล่านี้ สิ่งที่ต้องทำในฐานะหัวหน้าทีมงาน ก็คือ การระมัดระวังในการนำทีม (Directing) ซึ่งจะเกี่ยวข้อง กับเรื่อง วิธีการสื่อสาร (Communication) การจูงใจให้ทีมงานอยากทำงาน (Motivation) และหัวหน้าทีมยังต้องทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา (Consulting) ให้กับทีมงานด้วย รวมถึง ต้องมีการจัดกำลังคน และจัดเตรียมทรัพยากรให้เพียงพอต่อการดำเนินงาน (Organizing) ให้ดี ก่อนที่จะดำเนินการลงมือทำ (Do)
3. C คือ การตรวจสอบ งาน (Check)
ปัญหา มันเริ่มต้นจาก การตรวจสอบนั้นทำได้ง่าย แต่การนำข้อมูลที่ตรวจสอบไปใช้ ควบคุม การทำงานของส่วนงานนั้นๆ มักเป็นไปอย่างเชื่องช้า หรือ ไม่ได้นำไปใช้เลย และเมื่อเวลาผ่านไป พนักงานจะมองว่า การตรวจสอบของเขานั้น ไม่เห็นมีความจำเป็นต้องทำเลย ไม่นานพวกเขาก็จะเลิกทำการตรวจสอบงาน ดังนั้นแนวทางแก้ไข คือ หัวหน้าทีมงาน จะต้องเป็นผู้รับรู้ผลของการตรวจสอบงาน (Check) ของส่วนงานในสังกัดทั้งหมด เพื่อจะได้ทำการ เป็นผู้ประสานงาน (Coordinator) นำข้อมูล ไปใช้ในการควบคุม ( Control ) ให้ผลงานเป็นตามแผน และหัวหน้างานยังจำเป็นต้องดำเนินการ ติดตาม การตรวจสอบงาน และควบคุมผลงาน อย่าง ต่อเนื่อง (Continue) สม่ำเสมอ เพื่อทำให้ทีมงาน เห็นถึงความสำคัญของงาน
4. A คือ การปรับปรุง แก้ไข งานให้ดีขึ้น (Act)
ปัญหา คือ ในกรณีที่ผลงานออกมาไม่ได้ตามเป้าหมาย ก็ไม่มีใครทำอะไรต่อ และยิ่งงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ พนักงานก็จะทำเหมือนเดิม ซึ่งทำให้องค์กรไม่พัฒนา ดังนั้นแนวทางแก้ไข คือ กรณีที่ทำงานไม่ได้เป้าหมาย หัวหน้าทีมงาน จะต้องทำการปรับแผนงาน (Adjust plan) โดยเน้นในประเด็นวิธีการ (How) และในกรณีที่ทำได้ตามแผนที่กำหนดไว้ หัวหน้าทีมงาน จำเป็นที่จะต้องทำการ สั่งการ (Command) ให้ทุกฝ่าย ตั้งเป้าหมายให้สูงขึ้น เพื่อที่องค์กรจะได้พัฒนาต่อไปไม่สิ้นสุด (Action to improvement)
PDCA (Plan-Do-Check-Act)
PDCA (Plan-Do-Check-Act)
เปนกิจกรรมพื้นฐานในการพัฒนาประสิทธิภาพและคุณภาพของการดําเนินงาน ซึ่งประกอบดวยขั้น
ตอน 4 ขั้น คือวางแผน-ปฏิบัติ-ตรวจสอบ-ปรับปรุงการดําเนินกิจกรรม PDCA อยางเปนระบบใหครบวงจร
อยางตอเนื่อง หมุนเวียนไปเรื่อย ๆ ยอมสงผลใหการดําเนินงานมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพเพิ่มขึ้น โดย
ตลอดวงจร PDCA นี้ไดพัฒนาขึ้นโดยดร.ชิวฮารท ตอมา ดร.เดมมิ่งไดนํามาเผยแพรจนเปนที่รจู ักกันอยาง
แพรหลายขั้นตอนแตละขั้นของวงจร PDCA มีรายละเอียดดังนี้
1. Plan (วางแผน) หมายความรวมถึงการกําหนดเปาหมาย / วัตถุประสงคในการดําเนินงานวิธีการ
และขั้นตอนที่จําเปนเพื่อใหการดําเนินงาน บรรลุเปาหมายในการวางแผนจะตองทําความเขาใจกับเปาหมาย
วัตถุประสงคใหชัดเจน เปาหมายที่กําหนดตองเปนไปตามนโยบาย วิสัยทัศนและพันธกิจขององคกรเพื่อกอ
ใหเกิดการพัฒนาที่เปนไปในแนวทางเดียวกันทั่วทั้งองคกรการวางแผนในบางดานอาจจําเปนตองกําหนด
มาตรฐาน ของวธิีการทํางานหรือเกณฑมาตรฐานตาง ๆ
ไปพรอมกันดวยขอกําหนดที่เปนมาตรฐานนี้จะชวยใหการวางแผนมีความสมบูรณยิ่งขึ้น เพราะใชเปน
เกณฑในการตรวจสอบไดวาการปฏิบัติงานเปนไปตามมาตรฐานที่ไดระบุไวในแผนหรือไม
2. DO (ปฏิบัติ) หมายถึงการปฏิบัติใหเปนไปตามแผนที่ไดกําหนดไวซึ่งกอนที่จะปฏิบัติงานใด ๆ จํา
เปนตองศึกษาขอมูลและเงื่อนไขตาง ๆ ของ สภาพงานที่เกี่ยวของเสียกอน ในกรณีที่เปนงานประจําที่เคย
ปฏิบัติหรือเปนงานเล็กอาจใชวิธีการเรียนรูศึกษาคนควาดวยตนเองแตถาเปนงานใหมหรืองานใหญที่ตอง
ใชบุคลากรจํานวนมากอาจตองจัดใหมีการฝกอบรม กอนที่จะปฏิบัติจริงการปฏิบัติจะตองดําเนินการไปตาม
แผน วิธีการและขั้นตอน ที่ไดกําหนดไวและจะตองเก็บรวบรวมและบันทึกขอมูลที่เกี่ยวของกับการปฏิบัติ
งานไวดวยเพื่อใชเปนขอมูลในการดําเนินงานในขั้นตอนตอไป
3. Check (ตรวจสอบ) เปนกิจกรรมที่มีขึ้นเพื่อประเมินผลวามีการปฏิบัติงานตามแผน หรือไมมีปญหา
เกิดขึ้นในระหวางการปฏิบัติงานหรือไมขั้นตอนนี้มีความสําคัญ เนื่องจากในการดําเนินงานใด ๆ มักจะเกิด
ปญหาแทรกซอนที่ทําใหการดําเนินงานไมเปนไปตามแผนอยูเสมอ ซึ่งเปนอุปสรรคตอประสิทธิภาพและ
คุณภาพของการทํางาน การติดตาม การตรวจสอบ และการประเมินปญหาจึงเปนสิ่งสําคัญที่ตองกระทําควบ
คูไปกับการดําเนินงาน เพื่อจะไดทราบขอมูลที่เปนประโยชนในการปรับปรุงคุณภาพ ของการดําเนินงานตอ
ไปในการตรวจสอบ และการประเมินการปฏิบัติงาน จะตองตรวจสอบดวยวาการปฏิบัตินั้น เปนไปตาม
มาตรฐานที่กําหนดไวหรือไมทั้งนี้เพื่อเปนประโยชนตอการพัฒนาคุณภาพ
ของงาน
4. Act (การปรับปรุง) เปนกิจกรรมที่มีขึ้นเพื่อแกไขปญหาที่เกิดขึ้นหลังจากไดทําการตรวจสอบแลว
การปรับปรุงอาจเปนการแกไขแบบเรงดวน เฉพาะหนา หรือการคนหาสาเหตุที่แทจริงของปญหา เพื่อปอง
กันไมใหเกิดปญหาซ้ํารอยเดิม การปรับปรุงอาจนําไปสูการกําหนดมาตรฐานของวิธีการ ทํางานที่ตางจากเดิม
เมื่อมีการดําเนินงานตาม
วงจร PDCA ในรอบใหมขอมูลที่ไดจากการปรับปรุงจะชวยใหการวางแผนมีความสมบูรณ และมีคุณภาพ
เพิ่มขึ้นไดดวย
การบริหารงานในระดับตาง ๆ ทุกระดับตั้งแตเล็กสุดคือการปฏิบัติงานประจําวันของบุคคลคนหนึ่ง
จนถึงโครงการในระดับใหญที่ตองใชกําลังคนและเงินงบประมาณจํานวนมากยอมมีกิจกรรม PDCA เกิดขึ้น
เสมอโดยมีการดําเนินกิจกรรมที่ครบวงจรบางไมครบวงจรบางแตกตางกัน ตามลักษณะงานและและสภาพ
แวดลอมในการทํางาน ในแตละองคกรจะมีวงจร PDCA อยูหลาย ๆ วงวงใหญสุดคือวงที่มีวิสัยทัศนและ
แผนยุทธศาสตรขององคกรเปนแผนงาน (P) แผนงานวงใหญอาจครอบคลุมระยะเวลาตอเนื่องกันหลายปจึง
จะบรรลุผลการจะผลักดันใหวิสัยทัศนและแผนยุทธศาสตรขององคกรปรากฏเปนจริงไดจะตองปฏิบัติ (P)
โดยนําแผนยุทธศาสตรมากําหนดเปนแผนการปฏิบัติงาน ประจําปของหนวยงานตาง ๆ ขององคกรแผนการ
ปฏิบัติงานประจําปจะกอใหเกิดวงจร PDCA ของหนวยงานขึ้นใหมหากหนวยงานมีขนาดใหญมีบุคลากรที่
เกี่ยวของจํานวนมากก็จะตองแบงกระจายความรับผิดชอบไปยังหนวยงานตาง ๆ ทําใหเกิดวงจร PDCA เพิ่ม
ขึ้นอีกหลาย ๆ วงโดยมีความเชื่อมโยงและซอนกันอยูการปฏิบัติงานของหนวยงาน ทั้งหมดจะรวมกันเปน
(D) ขององคกร นั้น ซึ่งองคกรจะตองทําการติดตามตรวจสอบ (C) และแกไขปรับปรุงจุดที่เปนปญหาหรือ
อาจตองปรับแผนใหมในแตละป (A) เพื่อใหวิสัยทัศนและแผนยุทธศาสตรระยะยาวนั้นปรากฎเปนจริงและ
ทําใหการดําเนินงานบรรลุเปาหมายและวัตถุประสงครวมขององคกรไดอยางมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพ