วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ตกลงผู้นำจะนำพาเราไปไหนดี

leaderway
ในฐานะที่ทำงานในองค์กร เคยสับสนมั้ยครับว่า เราควรจะเดินไปทางไหนอย่างไร และเราควรจะทำอะไรบ้าง เพื่อทำให้องค์กรไปสู่เป้าหมาย หรือบางคนอาจจะเคยรู้สึกว่า มาทำงานกับองค์กรแล้ว ไม่เคยรู้เลยว่า เป้าหมายขององค์กรที่เราทำงานอยู่นั้นเป็นอย่างไร และจะไปทางไหน ถามใคร ก็ไม่มีใครตอบได้สักคน ก็มีแต่คนบอกให้ไปถามผู้นำขององค์กร
เรื่องของวิสัยทัศน์ หรือถ้าจะพูดให้ง่ายเข้าก็คือ เป้าหมายในการทำงานทั้งระยะสั้น และระยะยาวขององค์กรนั้น เป็นสิ่งแรกเลยที่ผู้นำขององค์กรจะต้องสร้างขึ้นมา จะต้องฝันให้ชัดเจน สร้างภาพความฝันที่จะไปสู่อนาคตที่ดีให้เห็นเด่นชัด และเมื่อชัดแล้วก็ต้องถ่ายทอดเป้าหมายนั้นสู่พนักงานในองค์กร ให้ทุกคนเห็นภาพเดียวกันด้วย เพื่อที่พนักงานทุกคนจะได้รู้ทิศทาง รู้แผนงาน และรู้ว่าเป้าหมายที่จะเดินไปนั้นมันคืออะไร
มิฉะนั้นแล้ว พนักงานก็จะทำงานแบบไร้ทิศทางเช่นกัน นายสั่งอะไรก็ทำอย่างนั้น ยิ่งไปกว่านั้นพนักงานบางคนคิดให้ด้วยซ้ำไป ว่าน่าจะต้องเดินแบบนี้ เป้าหมายของเราควรจะเป็นแบบไหน แต่ผู้นำก็อีโก้สูงเกิน ปิดความคิดของพนักงานไปจนหมด สุดท้ายพนักงานเองก็ไม่รู้ว่าจะเดินอย่างไร ไปทางไหนกันแน่ ทำงานแบบนี้มันไม่สนุกเลยจริงมั้ยครับ
ผมได้อ่านหนังสือของ คุณอินาโมริ คาซึโอะ ซึ่งคนญี่ปุ่นถือว่าเป็นเทพแห่งการบริหารคนหนึ่ง เป็นผู้บริหารที่ไม่มีความรู้เรื่องสายการบินเลยสักนิด แต่รับที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาสายการบินแห่งชาติของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งก็คือ JAL จนสามารถเปลี่ยนสภาพจากเกือบล้มละลาย กลับมาผงาดและยิ่งใหญ่ได้เหมือนเดิม
คุณอินาโมริ ท่านได้บอกไว้อย่างชัดเจนว่า ผู้นำ เป็นบุคคลที่สำคัญที่สุด พนักงานจะไปไม่ถูก เดินไม่เป็น ก็เพราะผู้นำไม่ทำ ไม่เดิน ไม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้เห็นนั่นเอง ท่านได้ให้แนวทางไว้ว่า การที่จะแก้ปัญหาทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่รุนแรงแค่ไหนก็ตาม ตัวผู้นำจะต้องมีพลังอย่างแรงกล้า มีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ และต้องแสดงออกอย่างชัดเจนให้พนักงานเห็นว่าผู้นำเอาจริง ประเภทเปลี่ยนตัวเอง แถมยังมุ่งมั่นแบบกัดไม่ปล่อย เพื่อทำให้พนักงานรับรู้ว่าจะต้องถึงเวลาเปลี่ยนแปลงแล้ว ท่านได้บัญญัติกฎของผู้นำไว้ 12 ข้อ ซึ่งเป็นกฎเกณฑ์ง่ายๆ พื้นๆ ไม่ต้องมีทฤษฎีอะไรมากมาย แต่เอาไปทำแล้วประสบความสำเร็จมาแล้ว ดังนี้ครับ
  1. ทำให้วัตถุประสงค์ของงานและสิ่งที่ตั้งใจจะสื่อสาร มีความชัดเจน ตั้งเป้าประสงค์ยังผลเลิศแก่ส่วนรวมอย่างโปร่งใส
  2. ตั้งเป้าหมายให้สูงอย่างเป็นรูปธรรม และมีคุณธรรม เป้าหมายที่ตั้งขึ้นจะต้องเป็นเป้าหมายที่ตั้งร่วมกับพนักงานเสมอ
  3. รักษาเจตจำนงอันแรงกล้า มีความมุ่งมั่นและมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะไปสู่เป้าหมาย ถึงขั้นที่ว่า ฝังลงในจิตใต้สำนึก
  4. มุ่งมั่นที่จะไม่แพ้ใคร ทำงานเล็กๆ ให้สำเร็จไปทีละก้าว อย่างมั่นคง ทุ่มเทต่อเนื่อง อย่าเกียจคร้าน
  5. เพิ่มยอดขายอย่างเต็มที่ ลดรายจ่ายให้น้อยที่สุด มีรายได้เท่าไหร่ให้นับให้แม่นยำก่อน แล้วค่อยวางแผนรายจ่ายให้เหมาะสม อย่าวิ่งไล่ตามผลกำไร กำไรจะตามมาเองทีหลัง
  6. การตั้งราคาเป็นการบริหารจัดการ การกำหนดราคาคืองานของผู้บริหารสูงสุด เป็นประเด็นสำคัญที่จะสร้างความสุขแก่ลูกค้าและทำกำไรให้บริษัท
  7. การบริหารจัดการขึ้นกับความตั้งใจที่แน่วแน่ และแรงกล้า เพื่อความสำเร็จ
  8. จิตวิญญาณนักสู้ที่ลุกโชน การบริหารจำเป็นต้องมีใจนักสู้แรงกล้ากว่าการต่อสู้ใดๆ
  9. สู้งานด้วยความกล้าหาญ อย่าทำตัวขี้ขลาด
  10. ทำงานอย่างสร้างสรรค์อยู่เสมอ พรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้ มะรืนนี้ต้องดีกว่าพรุ่งนี้ จงปรับปรุงแก้ไขและหาไอเดียใหม่ๆ อยู่เสมอ
  11. คบหากันอย่างซื่อสัตย์ด้วยน้ำใจไมตรี การค้าขายต้องมีคู่ค้า ทำให้คู่ค้าและเรามีความสุข ยินดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย
  12. มีฝันและมุ่งหวังด้วยใจบริสุทธิ์ ทำงานเชิงรุกอย่างสดใสอยู่เสมอ
อ่านจบแล้วก็มีความรู้สึกว่า ท่านจะเน้นไปที่เรื่องของจิตใจ ว่าผู้นำที่จะฝันฝ่าอุปสรรคทุกอย่างไปได้นั้นจะต้องมีจิตวิญญาณของนักสู้ และมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่มากๆ ท่านยังเสริมต่ออีกว่า เมื่อลูกน้องเห็นผู้นำต่อสู้ ความฮึกเหิมจะเพิ่มตามมา ตรงกันข้ามหากผู้นำแสดงความอ่อนแอให้เห็นเพียงนิดเดียว จะกระจายไปทั่วองค์กรในชั่วพริบตา และจะทำให้ความฮึกเหิมของพนักงานทั้งบริษัทลดลงทันที ซึ่งอันนี้ผมเห็นด้วยเต็มที่ 100% เพราะเห็นมากับตนเองว่า ถ้าผู้นำไม่สนใจอะไรเลยและแสดงความอ่อนแอให้เห็น พนักงานทั้งบริษัทก็จะอ่อนแอตามไปด้วย แค่เพียงเปลี่ยนผู้นำใหม่ และผู้นำใหม่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจ เอาจริง กัดไม่ปล่อย พนักงานชุดเดิม ก็เปลี่ยนวิธีในการทำงานได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังทำงานกันด้วยความหวัง และความสนุกอีกด้วย
ถ้าผู้นำเป็นอย่างที่ท่านอินาโมริ คาซึโอะ เขียนไว้ข้างต้น พนักงานเองก็คงไม่ต้องสับสน สงสัย และตั้งคำถามว่า “จะให้ผมไปทางไหนดีครับ”
Credit:คัดลอกบางส่วนจากหนังสือเรื่อง ถอยก็ตายวิกฤตยังไงก็ต้องสู้เขียนโดย อินาโมริ คาซึโอะ แปลโดย สุดารัตน์ เอื้อเปี่ยมมงคล สำนักพิมพ์สุขภาพใจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น