เกิดขึ้นครั้งแรกอย่างเป็นรูปธรรมตาม
ประกาศกรมศุลกากรที่ ๙๖/๒๕๔๓ ว่าด้วยเรื่อง ตัวแทนออกของรับอนุญาต
ซึ่งหมายถึงนิติบุคคล ที่กรมศุลกากรต้องการจัดระดับ ความเป็นมาตรฐาน มีคุณภาพ
ในด้านการให้บริการเกี่ยวกับพิธีการศุลกากร โดยถูกกำหนดไว้เป็นหลักเกณฑ์
ให้ตัวแทนออกของที่จะได้รับการจัดระดับ หรือรับรองมาตรฐานจากกรมศุลกากร จะต้องมี “ผู้ชำนาญการศุลกากร” ปฏิบัติงานประจำอยู่กับตัวแทนออกของ
ซึ่งโดยเจตนารมณ์ในเบื้องต้นนั้น กรมศุลกากรมิได้คาดหวังว่า
บุคคลโดยทั่วไปจะมาเป็น ผู้ชำนาญการศุลกากรได้ดี หรือจะมีมากนัก แต่กลับมุ่งเน้นไปที่
บุคลากรของกรมศุลกากรซึ่งใกล้จะเกษียณอายุราชการ และอาจจะยังมีความพร้อมที่จะทำงาน
ทั้งสุขภาพทางกาย และจิตใจ ที่ยังไม่ต้องการหยุดพักผ่อนเสียทีเดียว
แต่ด้วยลักษณะงานบริการทางด้านโลจิสติกส์ของภาคเอกชน
มักมีลักษณะที่แตกต่างจากโครงสร้างของงานในระบบราชการ โดยเฉพาะกรมศุลกากร
ซึ่งในทางปฏฺบัติจริง มักไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่เกษียณอายุ
หรือสอบผ่านเป็นผู้ชำนาญการศุลกากร ได้เข้ามามีบทบาทเท่าที่ควร และในระยะหลังๆนี้
กลับจะเห็นว่าผู้เข้ารับการอบรมผู้ชำนาญการศุลกากรล้วนมีแนวโน้มเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่
(ไฟแรง) ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจก้าวเข้าสู่วิชาชีพนี้มากขึ้น
1. สามารถนำความรู้ในด้านงานศุลกากรไปปฎิบัติงานด้านการนำเข้า - ส่งออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดปัญหาความผิดพลาดอันที่จะ
ก่อให้เกิดความเสียหายกับบริษัทได้ในภายหลัง
2. นำความรู้ไปเผยแพร่แก่พนักงานในบริษัท เพื่อจะได้นำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้องตามระเบียบ และกฎหมายศุลกากร รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
3. ให้คำปรึกษากับบริษัทเกี่ยวกับงานด้านศุลกากรต่างๆ (เพื่อให้รู้เท่าทัน บริษัทชิปปิ้ง หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ศุลกากรก็ตาม)
4. เป็นผู้ชำนาญการศุลกากรประจำบริษัทตัวแทนออกของรับอนุญาต ซึ่งตามระเบียบของกรมศุลกากรระบุจะต้องมีผู้ชำนาญการฯ ประจำบริษัท
อย่างน้อย 1 คน (ห้ามนำชื่อไปอ้างใช้กับบริษัทอื่นซ้ำกันด้วย)
ดังนั้นผู้ที่สอบผ่านเป็นผู้ชำนาญการศุลกากรจึงเป็นที่ต้องการของกลุ่มบริษัทตัวแทนออกของรับ
๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
ขออนุญาตให้ความเห็นท่านเจ้าของกระทู้ ในฐานะผู้ชำนาญการศุลกากรคนหนึ่ง ประโยชน์ขอการสอบเป็นผู้ชำนาญศุลกากรหลักๆ ก็คือ
1. สามารถนำความรู้ในด้านงานศุลกากรไปปฎิบัติงานด้านการนำเข้า - ส่งออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดปัญหาความผิดพลาดอันที่จะ
ก่อให้เกิดความเสียหายกับบริษัทได้ในภายหลัง
2. นำความรู้ไปเผยแพร่แก่พนักงานในบริษัท เพื่อจะได้นำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้องตามระเบียบ และกฎหมายศุลกากร รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
3. ให้คำปรึกษากับบริษัทเกี่ยวกับงานด้านศุลกากรต่างๆ (เพื่อให้รู้เท่าทัน บริษัทชิปปิ้ง หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ศุลกากรก็ตาม)
4. เป็นผู้ชำนาญการศุลกากรประจำบริษัทตัวแทนออกของรับอนุญาต ซึ่งตามระเบียบของกรมศุลกากรระบุจะต้องมีผู้ชำนาญการฯ ประจำบริษัท
อย่างน้อย 1 คน (ห้ามนำชื่อไปอ้างใช้กับบริษัทอื่นซ้ำกันด้วย)
ดังนั้นผู้ที่สอบผ่านเป็นผู้ชำนาญการศุลกากรจึงเป็นที่ต้องการของกลุ่มบริษัทตัวแทนออกของรับอนุญาต บริษัท Freight Forwarder
หรือแม้แต่ บริษัทผู้นำเข้า - ส่งออกรายใหญ่ๆ และที่สำคัญหากคุณเก่งจริง รายได้จึงค่อนข้างดี - ดีมาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น