การทำ A3 Thinking เนี่ย เป็นการทำเพื่อแก้ปัญหา เป็น Tool ของ P-D-C-A เพื่อให้ผู้บริหารได้เห็นและเข้าใจในปัญหาได้ง่าย ติดตา่มและัแก้ปัญหาได้ตรงจุด
ที่เขาเรียกว่า A3 thinking ที่มาก็ไม่มีอะไรมากครับ คือเป็นการจบปัญหาทุกอย่างในกระดาษ A3 แผ่นเดียว เท่านั้นเอง
โดยลำดับขั้นตอนการเขียนมีดัีงนี้
โหมด Plan
1. Background
เล่าถึงว่า เหตุใดถึงเกิดปัญหา ปัญหาเกิดจากอะไร
2.Current Condition
เล่าถึงว่า เหตุใดถึงเกิดปัญหา ปัญหาเกิดจากอะไร
2.Current Condition
สถาณการณ์ปัจจุบันขณะนั้น
3.Goal
จุดมุ่งหมายของการแก้ปัีญหา หรือว่า ขอบเขตหลังจากแก้ปัญหาเสร็จ
4.Root Cause Analysis
สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา
โหมด Do
5.Countermeasures
แปลตรงตัวว่า การตอบโต้ จริงๆแล้วตรงนี้ เขาจะให้ list ปัญหาออกมาเป็นข้อๆ และจะทำอย่างไร ใครเป็นคนแก้ จะเสร็จเมื่อไหร่
โหมด Check
6.Effect comfirmation
หลังจากแก้ปัญหาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง เขียนผลหลังจาก "Do" จบแล้ว
โหมด Action
7. Follow up Action
ทีนี้เราก็ list สาเหตุที่สงสัย และัติดตามผล ไม่ให้เกิดอีก ครับ
โดยเนื้อหาเป็น ภาษาอังกฤษ หาอ่านได้จาก Web นี้นะครับhttp://www.diylean.com/A3_Reports/A3_Reports.htm
ตารางในส่วนของ Do และ Action Download ที่นี่
เทียบ Part ใน Template กัน PDCA ดังนี้นะครับ จะได้เข้าใจง่าย
แล้วก็ลำดับการใส่ข้อมูลดังนี้
ถ้าทำ Board ใหญ่ๆซัก 1 ฺBoard และก็เวลามีปัญหาก็ติด A3 Thinking ใว้รวมๆ กันจะทำให้เราเห็นปัญหาและแก้ไขปัญหาได้ว่องไวนะครับ อีกอย่างมันก็เป็นตัวกระตุ้นให้ตามงาน ใครไม่ตาม ใครไม่ทำ ก็เห็นกันเลย
จบ A3 thinking ครับ
Lean 5
การรายงานวิธีแก้ปัญหาด้วยกระดาษ A3
A3 Problem Solving Report
บทความเรื่อง Lean ในตอนที่ 5 นี้ เกี่ยวกับการทำรายงานที่เรียกว่า One page summary คือสรุปเรื่องราวการพัฒนาทั้งมวลให้อยู่ในหน้ากระดาษเดียวคือ ขนาด A3 (ใหญ่กว่า A4 เป็นสองเท่า) หรือที่เรียกว่า A3 Problem Solving Report
ผู้ที่สนใจเอกสารแบบ PowerPoint (PDF file) สามารถ Download ได้ที่ http://www.slideshare.net/maruay/lean-5-31361970
What is an A3?
- "A3" หมายถึงกระดาษที่มีขนาด 11 คูณ 17 นิ้ว
- แต่สำหรับ Toyota และองค์กรที่ทำ lean นั้น A3 จะมีความหมายมากกว่านั้น
- A3 เปรียบเสมือนสูตรที่มีแบบแผน สามารถประยุกต์ใช้ให้เข้ากับบริบทต่าง ๆ ได้
- A3 มีความต่อเนื่องอย่างมีเหตุผล ตั้งแต่การระบุปัญหา หาสาเหตุรากเหง้า เป้าประสงค์ที่ต้องการบรรลุ ที่ง่ายต่อความเข้าใจ
- A3 คือ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ไม่ใช่เป็นเพียงข้อมูลที่อยู่ใน A3 เท่านั้น
- A3 คือ การตัดสินใจ การวางแผน ข้อเสนอ และวิธีการไขปัญหา
- เป็นวิธีการปฏิบัติมากกว่าทฤษฎี
What A3 is NOT?
- A3 ไม่ใช่แค่ template
- ทุกปัญหาไม่ได้แก้ได้โดยวิธีเดียว
- การเติมในช่องว่างอย่างเดียวทำให้คิดไม่เป็น
A3 Format Guidelines รูปแบบและเป้าประสงค์ A3 ควรตอบคำถามเหล่านี้:
1. อะไรคือปัญหา หรือประเด็นสำคัญ?
2. ใครคือเจ้าของ?
3. อะไรคือปัญหารากเหง้า?
4. วิธีแก้ปัญหามีอะไรบ้าง?
5. การเลือกวิธีแก้ปัญหาคืออะไร?
6. ทุกคนที่เกี่ยวข้องเห็นด้วยหรือไม่?
7. การนำแผนไปปฏิบัติ who, what, when, where, how?
8. รู้ได้อย่างไรว่าได้ผล?
9. มีการติดตามงานอย่างไร? อะไรคือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น?
10. จะมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้อย่างไร?
Standardized Storytelling
- A3 ควรเล่าเรื่องราวอย่างเรียบง่าย โดยเริ่มจากด้านบนซ้าย สิ้นสุดมุมล่างขวา
- A3 เล่าเรื่องราวได้อย่างสมบูรณ์ในหน้าเดียว (บางครั้งเรียกได้ว่าเป็น one-page summary)
หลักพื้นฐานของ A3:
- Gemba คือสถานที่เกิดงานที่สร้างคุณค่า นั่นคือที่หน้างาน (ปรัชญาคือการอาศัยประสบการณ์ตรง)
- Genhci Genbutsu Shugi หมายถึงการได้รู้เห็น ณ สถานที่จริง
- ถามทำไม 5 ครั้ง (Five Why's)
- ถามคำถามที่สำคัญ
- ใช้ Value Stream Map
- Nemawashi คือใช้ความเห็นร่วมเพื่อเป้าประสงค์หลักขององค์กร
- ใช้กระบวนการ PDCA
- Hansei: เป็นการวิวัฒนาการการเรียนรู้
- Value Stream Map (VSM) is a high- level view of a process. And the A3 is a focused look at a specific problem within the value Stream.
A3 Dos and Don'ts
- ไม่ต้องกังวลว่าต้องใช้ดินสอ ปากกา หรือใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการทำ
- อย่ายึดติดแน่นกับรูปแบบ
- สื่อให้ทุกคนเข้าใจ
- ไม่ต้องกลัวว่าจะสกปรก
- ใช้ A3 เป็นหลักการประชุม
- ใช้ A3 ในการตกลงใจ
- รวบรวมความรู้เพื่อแลกเปลี่ยน
สรุปอย่างย่นย่อ (โปรดจำไว้ให้ดี)
- อย่าขี่ช้างจับตั๊กแตน
- อย่าแสนสมบูรณ์จนลุ้นไม่ไหว
- อย่ามักง่ายจนไร้เหตุผล
- อย่าทำคนเดียวจะแห้งเหี่ยวหัวใจ
Key Questions to Ask?
- ใครคือผู้รับผิดชอบ?
- ใครคือเจ้าของกระบวนการ (หรือผู้จัดการโครงการ)?
- สำคัญกับธุรกิจอย่างไร? ตัดสินใจแก้ปัญหาอย่างไร?
- รู้ได้อย่างไร และรู้ได้โดยวิธีใด?
- การรวบรวมข้อเท็จจริง ไม่เพียงแค่ข้อมูลหรือแค่ตัวอย่างที่เกิดของสถานการณ์ปัจจุบัน?
- ได้รวบรวมผู้ที่เกี่ยวข้อง?
- อะไรคือปัญหาที่แท้จริง ? สามารถระบุสถานการณ์ปัจจุบันที่รับรู้ได้?
- ไปดูมาแล้วหรือยัง (gemba)?
- ระบุปัญหาที่แท้จริง?
- สามารถแสดงช่องว่างระหว่างเป้าหมายอนาคตกับปัจจุบัน?
- แน่ใจว่าเป็นวัตถุประสงค์ธุรกิจ?
- มีข้อมูลข่าวสารรองรับการวิเคราะห์?
- ระบุปัญหารากเหง้าที่ทำให้เกิดช่องว่าง?
- สามารถแสดงถึงความชัดแจ้งได้ทุกกระบวนการ?
- หาหนทางแก้ไขอย่างถ้วนทั่วแล้ว?
- ได้ปรึกษาหารือกับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน? กับลูกค้าของกระบวนการ? กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย?
- ข้อเสนอการแก้ไขตรงกับปัญหารากเหง้าที่ระบุ?
- ให้เหตุผลว่าวิธีการแก้ไขเหมาะสม?
- มีการเข้าไปดูของจริงอีกครั้ง (gemba) เพื่อหาวิธีการแก้ปัญหาใหม่ ๆ?
- การแก้ปัญหาอย่างถาวร ไม่ใช่ชั่วคราว?
- A3 ที่เป็นปัจจุบัน เกิดจากการมีส่วนร่วมของผู้ปฏิบัติงาน?
- วิธีการแก้ปัญหาได้รับความร่วมมือ? A3 มีความสอดคล้องกับ A3 ของผู้อื่นหรือหน่วยอื่น?
- A3 ยังมีการพัฒนาต่อไปอีก จากการทดลองโดยวิธีแก้ปัญหาอื่น ๆ?
- มีการใช้ PDCA cycle เพื่อพัฒนา และรวบรวมความรู้ที่ได้จากการทดลอง?
- มีความพยายามขยายการเรียนรู้สู่คนอื่น หรือหน่วยอื่นๆ?
- ทีมมีการรวบรวมความรู้และสื่อสารรายละเอียดที่สำคัญ ?
- มีการศึกษาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง และการติดตามอย่างต่อเนื่อง?
- คิดว่าน่าจะมีการทำ PDCA อีกสักรอบ? จะมุ่งเน้นไปที่จุดใด?
- ทีมได้เรียนรู้วิธีการของ A3 thinking?
- ทีมมีการนำเสนอปัญหาเองหรือว่าต้องรอให้มีคำสั่ง?
- ปัญหาหรือประเด็นสำคัญ ยังมีการหยิบยกขึ้นมาพูดคุยกันอีก?
- ทีมยังมีการสรุปวิธีแก้ปัญหาอีกโดยไม่ทำตามขั้นตอน?
A3 สามารถยืดหยุ่นได้
- ไม่มีรูปแบบที่ถูกที่สุด เป็นจิตวิญญาณการเล่าเรื่อง ไม่สำคัญที่กระดาษ
- ตราบใดที่ยังใช้ A3 เล่าเรื่อง จะใช้รูปแบบใดก็ได้ที่เห็นสมควร
- เป้าประสงค์ไม่ใช่เติมคำในช่องว่าง แต่เป็นประโยชน์ของการนำแนวคิดมาใช้
ข้อดีของการแก้ปัญหาโดยใช้ A3
- เป็นแนวทางการแก้ปัญหาได้ทุกประเภท
(เมื่อบอกว่าใช้ A3 แก้ปัญหา ทุกคนรู้ว่าหมายถึงให้ช่วยกันหาสาเหตุรากเหง้า โดยไม่ต้องคิดหาวิธีใหม่อีก) - ส่งเสริมให้ทุกคนนำปัญหาขึ้นมาถก
(แทนที่จะซุกไว้ใต้พรม แล้วบอกว่าไม่มีปัญหา) - กระตุ้นให้กลุ่มแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ และใช้ข้อมูลจริง
(ตรงข้ามกับใครคนใดคนหนึ่งเสนอวิธีแก้ปัญหาอย่างเบ็ดเสร็จ) - ทำให้ไม่ด่วนสรุปวิธีแก้ปัญหาก่อนหาสาเหตุรากเหง้า
(และป้องกันข้ารู้เพียงผู้เดียว แทนที่จะช่วยกันหาวิธีป้องกัน) - มอบอำนาจให้ผู้ทำงานจริง ทำให้เกิดความรับผิดชอบและเกิดการพัฒนางาน
(แทนที่ระบบสั่งจากเบื้องบน ที่ทำให้คนไม่ต้องคิด ไม่ต้องแคร์) - ทำให้ผู้จัดการสามารถจัดการได้อย่างถึงลูกถึงคน
(แทนที่จะดูแต่ผลลัพธ์เพียงอย่างเดียว ไม่สนวิธีการ ตามที่สอน ๆ กันไว้ในโรงเรียนบริหารจัดการ) - ปลูกฝังค่านิยมในองค์กรเรื่อง เรียนเพื่อเรียนรู้
(ไม่ใช่ทำตามสั่ง เป็นการเรียนรู้ร่วมกันที่มีประสิทธิภาพ) - เพาะผู้นำรุ่นใหม่อย่างเป็นระบบ
(เป็นการแสดงถึงการนำ และการเป็นพี่เลี้ยงที่ดี)
The A3 Problem Solving Method
1.ระบุปัญหา Problem or Issue
- ทำไมต้องเปลี่ยนแปลง หน้าที่และขอบเขตของทีม รวมทั้งระบุระยะเวลาดำเนินการที่เจาะจง
- ทำไมต้องเปลี่ยนแปลง หน้าที่และขอบเขตของทีม รวมทั้งระบุระยะเวลาดำเนินการที่เจาะจง
2.สถานการณ์ปัจจุบัน Current Conditions - การนำเสนอด้วยกราฟ
3. ปัญหารากเหง้า Root Cause Analysis
- ใช้ผังก้างปลา หรือระบุว่าสาเหตุว่าทำไมจึงเกิด
- ใช้ผังก้างปลา หรือระบุว่าสาเหตุว่าทำไมจึงเกิด
4.วัตถุประสงค์ การวัด และเป้าหมาย Objectives, Measures, and Targets- รวมถึงขอบเขตต่างจากการพัฒนาก่อนหน้านี้
5.เครื่องมือและวิธีการที่ใช้ Tools & Methods Used
- สรุปเครื่องมือและวิธีการที่ใช้
- สรุปเครื่องมือและวิธีการที่ใช้
6.วันเริ่มโครงการ Improvements Implemented
- ใช้การนำร่อง โดยมากมักจะเริ่มก่อนการอบรมสิ้นสุด (เริ่มทันที)
- ใช้การนำร่อง โดยมากมักจะเริ่มก่อนการอบรมสิ้นสุด (เริ่มทันที)
7.ผลที่ต้องการ After Condition- ระบุเป้าหมายในกราฟเฉกเดียวกับก่อนเริ่มโครงการ
8.แผนการลงมือทำ Implementation Plan- แผน 30 วัน กรณีที่ยังทำไม่สำเร็จ ระบุอุปสรรคต่อความยั่งยืน และแนวทางแก้ไข
9.ประเด็น และแนวคิด Issues & Ideas- ประเด็นและแนวคิดที่เกิดขึ้นระหว่างโครงการที่ยังไม่ได้ทำในครั้งนี้ ที่สมควรทำในอนาคตต่อไป
10.สมาชิกทีม Team Members- การเห็นความสำคัญบุคลากรเป็นรางวัลอย่างหนึ่ง
11.ผลลัพธ์ Success Measures Results Metrics- รวมก่อนหน้า ความคาดหวัง และสิ่งที่เกิดขึ้นจริง กรณีที่สำเร็จหรือยังไม่สำเร็จตามเป้าหมาย ให้มีติดตามผลทุก 30 วันจนกระทั่งสำเร็จและเกิดความยั่งยืน
Concepts behind A3 thinking - สถานภาพในอุดมคติ
- ไร้ข้อบกพร่อง
- ไม่มีของเสีย (สับสน เคลื่อนไหว การรอ การประมวลผล สินค้าคงคลัง ข้อบกพร่อง ผลิตมากเกินไป)
- สนองทีละหนึ่ง
- ทันตามความต้องการ
- ตอบสนองปัญหาทันที
กฎ 4 ข้อของ A3
1.ระบุกิจกรรมทั้งหมดของการทำงานให้เห็นได้ชัด
2.ขั้นตอนทั้งหมดของคำขอความต้องการรับสินค้าหรือบริการ ทำให้เป็นที่เรียบง่าย
3.วิถีการผลิตตามคำขอ เป็นเรียบง่ายและตรงไปตรงมา
4.ปัญหาทั้งหมดอยู่ใกล้เคียงกับเวลาและบุคคล เท่าที่เป็นไปได้
สรุป A3 Report
- A3 Report คือการบอกเล่ากระบวนการพัฒนาในกระดาษหนึ่งแผ่นที่มีขนาด 11x17 นิ้ว
- A3 Report ด้านซ้ายระบุปัญหา ด้านขวาระบุแนวทางแก้ไข
- A3 Report ควรเล่าเรื่องราวอย่างเรียบง่าย โดยเริ่มจากด้านบนซ้าย สิ้นสุดมุมล่างขวา
- A3 Report เล่าเรื่องราวได้อย่างสมบูรณ์ในหน้าเดียว (บางครั้งเรียกได้ว่าเป็น one-page summary)
******************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น