ตำแหน่งบังคับบัญชา หรือที่เราเรียกกันว่า หัวหน้า ไม่ว่าจะมีชื่อตำแหน่งว่าอย่างไร ผู้อำนวยการ ผู้จัดการ หัวหน้าแผนก หัวหน้างาน ฯลฯ ก็คือ ตำแหน่งที่จะต้องดูแลและรับผิดชอบทั้งด้านผลงาน และรับผิดชอบดูแลพนักงานที่ทำงานอยู่ในหน่วยงานของตนเอง ให้มีผลงานออกมาได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้นั่นเอง
พนักงานเมื่อเข้ามาทำงานในองค์กร ย่อมต้องการการเติบโตก้าวหน้า ซึ่งโดยทั่วไปเส้นทางในการเติบโตที่มีอยู่ในองค์กร ก็จะมีอยู่ 2 ทางหลักๆ ก็คือ
- โตไปในสายบริหาร ซึ่งก็คือเส้นทางการเติบโตที่พนักงานส่วนใหญ่คุ้นเคยกันมากที่สุด จากพนักงานไปสู่หัวหน้างาน ไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ ตามระดับตำแหน่งที่สูงขึ้น สายนี้จะต้องมีการดูแล และบริหารคนอื่นเพื่อสร้างผลงาน
- โตไปในสายวิชาชีพเฉพาะทาง เส้นทางนี้จะเป็นเส้นทางอีกทางหนึ่งที่ทำให้พนักงานสามารถเติบโตได้ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องไปในทางบังคับบัญชาอย่างเดียวเท่านั้น เราสามารถที่จะออกแบบให้เติบโตในสายวิชาชีพเฉพาะทางได้ โดยมีคุณค่าเทียบเท่ากับสายบังคับบัญชาได้
สำหรับการเติบโตไปในสายบริหารนั้น เป็นสายการเติบโตที่จะต้องมีทักษะในการบริหารจัดการทั้งด้านงาน และด้านคน ซึ่งสายบริหารนี้ ถือเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญมากต่อการสร้างผลงานให้กับองค์กร คนที่เข้ามาบริหารจัดการ จะต้องมีความสามารถที่จะดึงเอาศักยภาพของพนักงานที่มีอยู่ให้สร้างผลงานที่ดีอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนให้ได้ รวมทั้งจะต้องสามารถสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานในทีมงานให้สามารถสร้างผลงานได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ขึ้นๆ ลงๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้
พนักงานทุกคนก็ไม่สามารถที่จะโตไปในสายบริหารได้ทุกคน บางคนไปได้ดี บางคนไปไม่ได้เลย พนักงานแบบไหนกันแน่ที่มีศักยภาพ และเหมาะที่จะโตไปในสายบริหารมากกว่า สายเฉพาะทาง
- สื่อสารได้ดี คนที่จะโตในสายบริหารนั้น จะต้องมีคนที่มีทักษะในการสื่อสารที่ดี คุยกับคนอื่นแล้ว คนอื่นเข้าใจได้ง่ายๆ สามารถที่จะแปลเรื่องยากๆ ให้เป็นเรื่องง่ายๆ ได้ ศัพท์แสงทางวิชาการไม่ต้อง แต่อธิบายออกมาแล้ว เห็นภาพชัดเจน ด้วยคุณสมบัตินี้เอง ก็จะทำให้เป็นหัวหน้างานที่สามารถที่จะถ่ายทอดแผนงานต่างๆ ให้กับพนักงานได้ดี
- มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี เข้ากับคนอื่นได้ง่าย เป็นคนที่ชอบที่จะพูดคุยกันคนอื่น สามารถเข้ากับคนอื่นได้ง่าย และมีความสามารถที่จะเข้าใจคนอื่นที่เรากำลังคุยด้วย มีความสามารถในการฟัง จับประเด็น และเข้าใจในประเด็นที่คนอื่นกำลังสื่อมาได้อย่างชัดเจน
- ให้กำลังใจคนอื่นได้ดี เป็นคนที่เพื่อนๆ หรือน้องๆ ชอบเข้ามาคุยด้วย เพราะคุยแล้วรู้สึกว่าสบายใจ บางคนสามารถที่จะทำให้คนอื่นที่กำลังท้อแท้ กลายมาเป็นคนที่มีความฮึกเหิมได้อีกครั้ง ด้วยคุณสมบัตินี้เอง ที่จะทำให้เขาเป็นหัวหน้าที่มีความสามารถในการสร้างแรงจูงใจให้กับทีมงาน ลดความตึงเครียดของทีมงานลงได้ รวมทั้งสร้างแรงบันดาลใจให้กับทีมงานได้อีกด้วย
- มีทัศนคติที่ดีต่อการทำงานเป็นทีม ไม่ใช่คิดแบบข้าเก่งคนเดียว ไม่ต้องพึ่งพาใคร เป็นคนที่ชอบที่จะแบ่งปันความรู้ และชอบให้คนอื่นรู้เหมือนๆ กัน เพราะจะได้เอาความรู้นั้นมาช่วยกันทำงาน
- ชอบที่จะสอนคนอื่น การเป็นหัวหน้าจะต้องให้คำแนะนำและสอนงานได้ ดังนั้น ถ้าพนักงานคนนั้นเป็นคนที่ชอบที่จะให้คำแนะนำน้องๆ ในทีม ไม่เบื่อที่พนักงานคนอื่นจะเข้ามาถาม และขอคำปรึกษา ก็จะมีแนวโน้มที่จะเป็นหัวหน้างานที่มีความสามารถในการสอนงานได้ดี
ด้วย 5 คุณสมบัติข้างต้นที่กล่าวมา ถ้าพนักงานคนไหนมีคุณสมบัติเหล่านั้นในเกณฑ์ที่ดี และมีสัก 3 ในห้าข้อ ก็ให้พิจารณาได้เลยว่า พนักงานคนนี้น่าจะเหมาะที่จะปั้นให้เขาโตไปในสายบังคับบัญชา
แต่ถ้าพนักงานคนใด ไม่มีคุณสมบัติข้างต้นเลย เป็นคนที่ชอบทำงานคนเดียว ไม่ชอบคุยกับคนอื่น ชอบคิดวิเคราะห์ในเชิงลึก โดยไม่สนใจว่าจะต้องไปหารือใคร เขาสามารถค้นคว้าหาคำตอบของเขาออกมาเองได้ เป็นคนที่คนอื่นไม่ค่อยจะเข้ามาคุย หรือปรึกษาเรื่องส่วนตัวมากนัก ถ้าเป็นลักษณะนี้ ก็ให้ประเมินคร่าวๆ ไว้ว่า นี่ก็น่าจะเหมาะกับการโตในสายอาชีพเฉพาะทางมากกว่า
ดังนั้น การทีเราจะเลือกพนักงานคนไหนให้เติบโตไปในสายบังคับบัญชาได้ดีจริงๆ ก็ต้องเลือกจากคนที่มีความพร้อมมากที่สุด เพื่อที่จะได้นำเอาความพร้อมเหล่านี้ไปต่อยอด พัฒนาต่อให้เป็นหัวหน้างานที่ดีต่อไป
มิฉะนั้นก็จะเข้าข่ายคำพูดที่มักจะมีคนพูดว่า “เราจะเสียพนักงานมือดีไป แล้วได้หัวหน้างานที่แย่ๆ มาแทน”
ที่มา ประคัลภ์ ปัณฑพลังกูร