วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2559

ทำ Career Path อย่าลืมมองความเชื่อมโยงของระบบ HR อื่น ๆ

จะทำ Career Path อย่าลืมมองความเชื่อมโยงของระบบ HR อื่น ๆ ด้วย

career 1234
เขียนถึงเรื่อง Career Path ไปไม่นาน ก็มีผู้อ่านอีเมล์ เข้ามาคุย ในเรื่องของการทำระบบความก้าวหน้าในสายอาชีพ หรือ Career Path นี่แหละครับ ว่าที่บริษัทมีความต้องการที่จะทำระบบนี้ เพราะพนักงานให้ความเห็นว่าบริษัทยังไม่มีเส้นทางอะไรให้พนักงานเลย พนักงานเข้ามาทำงานแล้วก็ไม่รู้ว่าอนาคตของตนเองในการทำงานกับบริษัทนั้น อยู่ตรงไหน และจะเดินไปในเส้นทางไหนได้บ้าง เลยมีคำถามมาว่าตัว Career Path นี้เวลาทำ ก็แค่ทำให้เป็นสายการเติบโตแค่นั้นก็พอใช่หรือไม่ เช่น โตจากพนักงานไปเป็นพนักงานอาวุโส แล้วก็ต่อไปเป็นผู้เชี่ยวชาญ อะไรทำนองนี้ ดูแล้วก็ไม่เห็นยากตรงไหน
ท่านผู้อ่านคิดอย่างไรครับ
ในความคิดเห็นของผมนั้น Career Path ถ้าจะทำให้ดี และตอบโจทย์ตัวของมันเองจริงๆ บริษัทจะต้องมีระบบ HR ในด้านอื่นๆ ที่ดีพอสมควรแล้ว มิฉะนั้นแล้ว Career Path จะกลายเป็นแค่เพียงข้ออ้างในการดันพนักงานให้มีระดับที่สูงขึ้น แต่ความรับผิดชอบของงาน และความสามารถยังคงเท่าเดิม บริษัทจะไม่ได้อะไรจากระบบนี้เลยครับ
แล้วอย่างน้อย ๆ จะต้องมีระบบอะไรประกอบบ้าง ถึงจะมี Career Path ที่ดีได้
  • มีตำแหน่งงานที่ชัดเจน มีการระบุหน้าที่และความรับผิดชอบที่ชัดเจน ถ้าจะให้ดี ให้มีการเขียนเป็น Job Description ไว้อย่างเป็นทางการก็น่าจะดี จะได้มีเอกสารตำแหน่งงานที่ระบุเป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจน ตำแหน่งงานที่มีความชัดเจนนี้แหละครับ จะใช้เป็นจุดเริ่มต้นของการทำ Career Path ที่ดีได้
  • มีการจัดระดับงานตามค่างานที่ชัดเจน ระบบพื้นฐานที่สำคัญก็คือจะต้องมีการจัดระดับงานที่ชัดเจนมากๆ ยิ่งถ้าบริษัทไหนที่มีเรื่องของการประเมินค่างานที่ชัดเจนแล้วแล้ว ก็จะยิ่งทำให้การจัดระดับงานนั้นเป็นไปบนพื้นฐานของค่างาน ซึ่งจะใช้เป็นพื้นฐานในการออกแบบเส้นทางความก้าวหน้าของตำแหน่งงานต่าง ๆ ได้อย่างดี และชัดเจนมากขึ้น การที่ตำแหน่งงานใดๆ ก็ตาม ที่จะเติบโตจากเจ้าหน้าที่1 ไป 2 หรือ ไปเป็นตำแหน่งอาวุโสนั้น จะต้องเป็นไปตามระดับงานที่ได้ทำไว้ของบริษัทด้วย
  • มีการจัดทำเกณฑ์ในการเติบโตที่ดี เนื่องจากการเติบโตตามสายอาชีพนั้น ยึดหลักค่างานที่สูงขึ้น ดังนั้น การที่ตำแหน่งหนึ่งได้เลื่อนขึ้นไปในระดับที่สูงขึ้น แสดงว่า จะต้องมีหน้าที่ความรับผิดชอบที่สูงขึ้นด้วย และด้วยความรับผิดชอบที่สูงขึ้นนี้เอง ก็ต้องการพนักงานที่มีทักษะและความสามารถที่เพียงพอที่จะรับงานที่ยากขึ้นได้ด้วย ดังนั้นเกณฑ์ในการเติบโตจึงต้องถูกเขียนออกมาอย่างชัดเจน ส่วนใหญ่เกณฑ์ก็จะประกอบไปด้วย ผลงานที่ผ่านมา ระดับ Competency ที่สูงขึ้นได้ตามที่คาดหวัง ผ่านการฝึกอบรมในหลักสูตรที่กำหนดไว้ บางแห่งก็มีการกำหนดเรื่องของเกณฑ์ศักยภาพไว้อีกด้วย เมื่อพนักงานทำได้ตามเกณฑ์เหล่านี้ อย่างครบถ้วนจึงจะมีสิทธิได้รับการเสนอชื่อเพื่อของเลื่อนระดับงานตามสายอาชีพ
  • ระบบบริหารผลงานที่ดี เนื่องจากเกณฑ์ข้างต้น มีเรื่องของผลงานพนักงานมาประกอบด้วย ดังนั้น ระบบการบริหารผลงานของบริษัทก็จะต้องดีด้วย คำว่าดี ก็คือ เป็นระบบที่สามารถทำให้เรารู้ว่าพนักงานคนไหนผลงานดีแค่ไหน ทั้งในด้านผลสำเร็จของงาน และด้านพฤติกรรมการทำงาน ว่าเข้าเกณฑ์ที่กำหนดไว้หรือไม่ มิฉะนั้นแล้ว ก็จะเกิดปัญหาเรื่องของผลงานพนักงานตามมา เพราะผู้ประเมินสามารถที่จะให้คะแนนลูกน้องตนเองแบบสูงๆ ได้ เพราะอยากให้ลูกน้องได้รับการเลื่อนระดับงานที่สูงขึ้น
  • ระบบการพัฒนาพนักงาน เนื่องจากการเลื่อนระดับขึ้นไปนั้น จะต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบที่สูงขึ้น ดังนั้น ก็เลยต้องมีการเตรียมความพร้อมของพนักงานให้ดีก่อนที่จะเลื่อนขึ้นไป ก็เลยทำให้ระบบการพัฒนาพนักงานของบริษัทจะต้องดีด้วย จะต้องมีการวางแผนการพัฒนาพนักงานกันอย่างต่อเนื่อง มีระบบที่สามารถประเมินได้ว่า พนักงานแต่ละคนยังต้องพัฒนาอะไรบ้าง เพื่อให้ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้
  • ระบบค่าจ้างเงินเดือน ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ระบบค่าจ้างเงินเดือนที่สอดคล้องกับเส้นทางสายอาชีพที่ทำไว้ด้วย ไม่งั้นพนักงานจะถามว่า พัฒนาแล้ว ทำผลงานดีแล้ว เลื่อนระดับให้แล้ว ความรับผิดชอบก็สูงขึ้นด้วย แต่กลับไม่ได้ปรับเงินเดือนอะไรเลย เพราะไม่มีระบบเงินเดือนรองรับ แบบนี้ก็เป็นระบบ Career Path ที่ยังไม่ครบถ้วนอยู่ดีครับ
เห็นแล้วก็อย่าเพิ่งหมดกำลังใจซะก่อนนะครับ ประเด็นก็คือ ถ้าเราต้องการให้ระบบ career path เป็นระบบที่เห็นถึงความก้าวหน้าของพนักงานจริงๆ ก็ต้องเป็นระบบที่สามารถทำให้
  • พนักงานรู้สึก Win ก็คือ ได้รับความก้าวหน้าตามหน้าที่และความรับผิดชอบจริงๆ เติบโตแล้วเก่งขึ้น รู้มากขึ้น มีทักษะที่สูงขึ้น และได้รับค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ
  • หัวหน้างานรู้สึก Win เพราะลงมือพัฒนาพนักงานตามเกณฑ์ทุกอย่าง ทำให้พนักงานสามารถสร้างผลงานที่ดีขึ้นได้ รับงานที่ท้าทายมากขึ้นได้ อีกทั้งหัวหน้าเองก็สามารถที่จะมอบหมายงานที่มีความซับซ้อนมากขึ้นได้ตามระดับงาน และความรับผิดชอบที่สูงขึ้น ก็ทำให้หัวหน้างานได้ผลงานที่ดีจากพนักงานด้วยเช่นกัน
  • องค์กรก็ต้อง Win ด้วย สุดท้ายก็คือ องค์กรเองก็ต้อง Win ด้วย จากการที่ลงทุนมีระบบเหล่านี้ มีการลงทุนพัฒนา ฝึกอบรม พิจารณาผลงานกันอย่างจริงจัง มีการปรับเงินเดือนให้สูงขึ้น และสิ่งที่องค์กรได้ตอบแทนกลับมาก็คือ ผลงานขององค์กรที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนา และการเติบโตตามสายอาชีพของพนักงานนั่นเอง
แต่ในทางปฏิบัติ ใครบ้างที่ win กับระบบ Career Path ที่ไม่ชัดเจน และไม่มีระบบ HR ด้านอื่น ๆมารองรับ สิ่งที่เราจะได้ก็คือ พนักงานที่มีอายุมากขึ้นอย่างเดียว เติบโตไปตามอายุตัวและอายุงาน แต่ตัวงานไม่โตตาม อีกทั้ง หัวหน้าก็ไม่สามารถใช้งานลูกน้องตนเองที่ดันมากะมือตัวเอง (ดันอย่างเดียว ไม่ได้ปั้น) องค์กรเองก็ไม่เติบโตอะไรเลย ตรงกันข้ามกลับค่อยๆ แคระแกร็นลงเรื่อย ๆ เพราะพนักงานไม่มีความสามารถที่สูงขึ้นจริงๆ ตามที่ควรจะเป็น
สุดท้าย Career Path ก็ไม่ได้ตอบโจทย์ในสิ่งที่มันควรจะเป็น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น